Tuesday, November 26, 2013

น้ำเต็มแก้วและแก้วที่ไม่มีน้ำเลย

บทความนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างความมั่งคั่งมาก


บุคคลที่น้ำเต็มแก้วคือคนที่ไม่ยอมฟังหรือรับข้อมูลดีๆใดเลย เมื่อมีข้อมูลแย่ๆที่ไม่สร้างสรรค์กลับสนใจเป็นอย่างมากอันนี้ถือว่าเป็นกรรมของคนนั้นที่เกิดมาไม่ยอมเปิดรับข้อมูลดีๆ คนที่น้ำเต็มแก้วกับคนดื้อด้านก็เป็นคนประเภทเดียวกันนั่นแหละ

คนที่ดื้อด้านมักจะเป็นคนที่สอนไม่ได้ ดุด่าไม่ได้ พอเค้าว่าหน่อยนึงก็น้อยใจไปหาว่าเค้าด่าแทนที่เราจะฟังเข้าก่อนกลับว่าเค้านินทาเค้าลับหลัง คนดื้อด้านเนี่ยแหละที่พระพุทธเจ้ากลัวนักหนาที่จะสอน คนเลวอย่างองค์คุลีมาลยังสอนได้แต่คนดื้อด้านนี้สอนยากแท้ คนดื้อด้านมักจะพูดขัดผู้สอนอยู่เสมอ และผู้สอนที่ฉลาดก็จะรู้สึกได้ถึงความปิดในตัวเองของผู้ฟังเสมอ

ผิดกับกลุ่มคนอีกประเภทคือคนที่แก้วไม่มีน้ำเลย คนพวกนี้ผมขออนุญาตตีความว่าเป็นคนที่หูเบาครับ เป็นคนที่ฟังและเชื่ออย่างสนิทใจไม่มีความสงสัยใคร่รู้จากข้อมูลที่ได้รับฟังเลย การเป็นแก้วที่ไม่มีน้ำก็เป็นอาการสุดโต่งเกินไป ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เป็นผลเสียต่อไปนี้

ถ้าสมมุติมาบอกว่าได้หุ้นดีมาอยากจะให้ซื้อ ซึ่งถ้าเราเป็นคนน้ำไม่มีในแก้วนั้นพอฟังแล้วก็จะเชื่อโดยที่ไม่พิจารณาให้ดีก่อนเลย ทำให้การซื้อหุ้นเหมือนกับการเล่นหวยไปซะงั้น ก็เข้าไปซื้อซึ่งนั่นแหละคือจุดสูงสุดที่ราคาหุ้นได้ไปถึงแล้ว คนคนนี้ก็ติดดอยไป

อ่านมาถึงตรงนี้อาจรู้สึกว่าจะให้ทำไงเนี่ยฟังมากก็โดนผมบ่นฟังน้อยก็โดนบ่น สรุปเลยละกันให้ใช้ทางสายกลาง(มัชฌิมาปฏิปทา) และระลึกไว้ถึงคำสอนในหัวข้อกาลามสูตรที่สอนให้คนคิดก่อนที่จะเชื่ออะไร ผมแนะนำให้ผู้อ่านไปอ่านต่อในหัวข้อกฎของการเชื่อ(กาลามสูตร)ครับเพราะมีเนื้อหาดีๆพร้อมทั้งตัวอย่างภายในนั้นอีกเยอะ

No comments:

Post a Comment