Tuesday, December 1, 2015

นิทานเรื่อง "ดีพะยะค่ะ"

ก่อนอื่นผมเองไม่รู้ว่า ในวงการนิทานเค้ามีจดลิขสิทธิ์กันรึปล่าว แต่ถึงยังไงผมก็ขอให้ blog นี้ได้เล่าเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารักและสอนผู้คน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์กับคนมากมายอีกด้วยครับ


เรื่องมีอยู่ว่า...


มีกษัตริย์กับที่ปรึกษาคู่หนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรก็ตาม ที่ปรึกษาท่านนี้จะคอยเอาแต่บอกว่า "ดีพะยะค่ะ"

ครั้งแรก ต้องบอกก่อนว่ากษัตริย์เป็นคนชอบล่าสัตว์ มีวันนึงเป็นหน้าฤดูกาลที่เหมาะแก่การล่าสัตว์ กษัตริย์ท่านนี้ดันป่วยซะได้ ที่ปรึกษาเห็นอย่างนี้ก็ทูลบอกไปว่า "ดีพะยะค่ะ" กษัตริย์ก็งงดิครับว่า "ดีอะไรของมึงวะ"


ต่อมา กษัตริย์หายป่วยและออกล่าสัตว์ได้ก็ออกไปล่ากัน มีเหตุร้ายบังเอิญเกิดขึ้นโดย ขวานที่กษัตริย์ถือเพื่อล่าสัตว์ดันหล่นไปบนนิ้วเท้า ทำให้นิ้วเท้าขาดหายไป ครั้นพอกลับมาแล้วพอที่ปรึกษาเห็นเช่นนั้นก็เลยบอกอีกว่า "ดีพะยะค่ะ" กษัตริย์พอได้ยินแบบนี้ก็ขึ้นเลยดิครับ เลยจับลงโทษให้อยู่คุก


หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ท่านออกล่าสัตว์อีกครั้งนึง คราวนี้ซวยมากคือ ดันไปเจอเผ่ากินคนเข้า.....ทั้งท่านกษัตริย์และข้าราชบริพารจึงโดนจับไปต้มกิน....พอถึงคิวที่กษัตริย์ท่านจะโดนต้มกิน หัวหน้าเผ่านี้เหลือบไปเห็นว่ากษัตริย์นี่ไม่มีนิ้วเท้า !!!! กาลกิณีดิครับ เค้าห้ามต้มคนพิการกิน กษัตริย์จึงรอดไป


หลังจากรอดได้พอกลับไปที่วังเลยนึกคำพูดของที่ปรึกษาท่านนี้ จึงปล่อยตัวเค้า และทำการขอบคุณและก็ขอโทษขอโพย


พอโดนปล่อยตัว  บวกกับได้ฟังเรื่องเผ่ากินคน ที่ปรึกษาท่านนี้บอกอีกตามเคยว่า "ดีพะย่ะคะ" ถ้าท่านไม่ขังข้า ข้าคงโดนกินไปแล้ว


จบครับ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหตุการณ์ต่างๆบนโลกนี้ ทั้งที่เกิดกับตัวเรา และที่เกิดกับบุคคลอื่น เราสามารถมองมันได้ 2 มุมอยู่เสมอ คนที่แปลความหมายของเหตุการณ์ไปในเชิงดีๆ ก็จะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีครับ แต่ถ้าใครที่คิดว่าซวยอยู่เสมอ ชีวิตก็จะเริ่มซวยตั้งแต่ที่คิดว่า "ซวย" ไปแล้ว


เราไม่มีทางรู้หรอกครับว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา มันดีหรือมันซวย เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเรามองย้อนกลับมาในอดีตถึงเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น และดีใจขึ้นมาและพูดว่า "ถ้าวันนั้นเราไม่ตกอยู่ในสภาพนั้น เราก็คงจะไม่อยู่ในสภาพที่สุดยอดและแข็งแกร่งได้แบบนี้" เหมือนทฤษฎีจุดต่อจุดของ Steve Jobs นั่นเอง!!!


วันนี้ผมดีใจมากที่มีเพื่อนเสนอการลงทุนอย่างหนึ่งให้กับผมและผมเองพยายาม work กับมันเต็มที่เพื่อให้เราได้เป็นหุ้นส่วนกัน ผมคงไม่มีวันนี้ถ้าเราไม่เป็นผู้ฟังที่ดีตลอดช่วงชีวิตที่ผมเกิดมา ผมเองไม่ได้คาดหวังว่ามันจะกำไรทางการเงิน แต่ท้ายที่สุด เราจะได้กำไรชีวิตบางอย่างกลับคืนมาอย่างแน่นอน


ผมเชื่ออย่างนั้น!!!