Thursday, November 28, 2013

ถ้าคิดที่จะสร้างความมั่งคั่ง...อย่าโลภ!!!

ในบทความที่แล้ว ถ้าจะลงทุนต้องพัฒนาทัศนคติ นั้นมีได้เกริ่นไปว่าความโลภคือนิสัยแรกที่เราอยากให้ปรับลดลง

ผมเคยแนะนำเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ใช่นักลงทุนให้ซื้อหุ้นตัวหนึ่ง(เดี๋ยวนี้ผมจะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว เพราะฉะนั้น..อย่าถามว่าตัวไหนดี!!!) ผมได้คำตอบเค้ากลับมาว่า "กูคิดใหญ่ว่ะ กูว่่าถ้าซื้อหุ้นกูก็อยากให้มันได้กำไรแบบ 4-5 เท่า" ผมถึงกับเลิกคุยและคิดในใจว่า
  • คนไม่เคยลงทุนจริงอย่าไปคุยกับเค้าเยอะ-เพราะคนเหล่านี้เป็นพวกทฤษฎีจ๋า เป็นพวกไม่เคยเจอสถานการณ์การลงทุนจริงๆ มักจะมีหลักการมากมายแต่ให้ไปทำจริงก็ทำไม่ได้หรือไม่ก็ไม่เคยเริ่มลงมือทำจริงซะที หลายๆคนไม่มีธรรมะในใจ และคนพวกนี้หลายคนไม่ใช่คนที่จะให้กำลังใจเราเมื่อเราตัดสินใจลงทุนผิดพลาด
  • คนที่มีความโลภหวังที่จะให้ได้ผลตอบแทนสูงๆ- เชื่อเหอะว่าเจ๊งทุกราย เหมือนกับคนที่อยากได้อะไรจะไม่ได้สิ่งนั้่นแต่ พอเราไม่หวังแล้วเราก็กลับได้มัน มันเป็นความจริงของโลกเราครับ
  • ไม่ใช่การหวังกำไรเยอะคือการคิดใหญ่นะครับ- คนที่ีรวยและคิดช่วยเหลือผู้อื่นต่างหากคือคนคิดการใหญ่ในความคิดผมนะ
นักลงทุนมักจะเจอเหตุการณ์เหล่านี้กระตุ้นให้เราโลภ ผมขอแยกเป็น 4  กรณีที่เห็นบ่อย
     
     1. กลัวพอไม่ได้ซื้อหุ้นแล้วจะเหมือนตกรถเพราะเค้าไปไหนต่อไหนแล้วแต่เรายังอยู่ที่เดิม
         อันตรายจากการคิดแบบนี้ : คุณจะเข้าไปซื้อหุ้นที่คุณไม่รู้พื้นฐานของมันและคุณจะขายไม่ทันแล้วคุณก็จะเป็นเม่าตัวหนึ่งที่ติดดอย
         ลองคิดงี้ดู
- รู้สึกดีที่คนอื่นได้ดีหรือที่เรียกว่า "มุทิตา" 
อีกอย่างคือ อย่าปรุงแต่งเอง!!! คุณปรุงแต่งไปเองว่าหุ้นตัวนั้นขึ้น คุณวาดภาพไปว่าหุ้นพวกนั้นขึ้นไปแล้ว ในใจคุณคิดไปเองทั้งนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าคิดไปเอง!! คุณจะลงทุนเด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้นคือคุณศึกษาเองมาอย่างดีแล้ว คุณจะไม่เชื่อใครทั้งนั้น คุณเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งได้ มั่นใจหน่อยครับ!!
    
     2. เวลาคนอื่นมาบอกว่าเค้ารวยจากนู่นจากนี่แล้วคุณจึงอยากทำตาม
         อันตรายจากการคิดแบบนี้ :  ถ้าคุณเข้าไปทำตามแต่คุณไม่เก่งในด้านนั้นคุณก็จะล้มเหลวเช่นเพื่อนที่มาบอกว่าเค้าขายของทางเน็ตแล้วรวย  คุณก็เลยไปขายบ้าง....ปัทโธ่!!!! คุณทำ WEB หรือ ทำ SEO เป็นเหมือนกับเขาเหรอไปทำตามเค้าน่ะ
         ลองคิดงี้ดู :
- รู้สึกดีที่คนอื่นได้ดีหรือที่เรียกว่า "มุทิตา"
- จริงเหรอ?? คนพูดเค้าเอาต้นทุนของใน stock ที่ขายไม่ออกมาเกลี่ยด้วยหรือไม่?? คนขายมักจะต้องตุนสินค้าดังนั้นเค้่าต้องมีที่ที่เก็บของที่ขาย...ที่สมัยนี้มันตารางเมตรเท่าไหร่แล้วน้าาาา??? เค้าเอาต้นทุนที่เกิดจากค่าแรงที่ต้องจ่ายให้ตัวเองหรือลูกน้องของเค้าเข้าไปหรือไม่?? เศรษฐกิจช่วงนี้ดีจังเซ็นทรัลมีคนเข้าเยอะตลอดเลยแต่ว่า...ตอนปี 40 นี่ เซ็นทรัลคนน้อยนะเท่าที่จำความได้อ่ะ?? หรือว่าสมัยนี้เศรษฐกิจดีจนใครก็ตามที่ทำอะไรที่ตัวเองเก่งก็สามารถรวยได้ทุกคนรึเปล่า??
- อย่าลืมที่จะอยู่ในสนามที่เราถนัดครับ

     3. เวลาหุ้นตัวเองไม่ขึ้นแต่หุ้นตัวอื่นทำไมขึ้นเอาๆ
         อันตรายจากการคิดแบบนี้ : ไม่มี แค่ไม่มีความสุข
         ลองคิดงี้ดู :
- รู้สึกดีที่คนอื่นได้ดีหรือที่เรียกว่า "มุทิตา"
- หยุดแล้วคิดก่อน....ทำไมไม่มองตอนที่หุ้นตัวเองขึ้นอยู่แล้วหุ้นคนอื่นไม่ขึ้นบ้างล่ะครับ...โลกเรามันไม่ได้หม่นหมองขนาดนั้น
-มั่นใจหน่อยพวก!! ว่าหุ้นตัวเองขึ้นแน่ สิ่งที่แตกต่างระหว่างนักลงทุนระยะยาวกับนักเก็งกำไรคือการที่นักลงทุนระยะยาวรู้แน่นอนว่าหุ้นตัวเองขึ้นแน่เพียงแต่เมื่อไหร่

     4. เวลาหุ้นขึ้นแล้วบอกว่าซื้อน้อยไป "รู้งี้"น่าจะซื้อเยอะกว่านี้
         อันตรายจากการคิดแบบนี้ : ไม่มี แค่ไม่มีความสุข
         ลองคิดงี้ดู :
- แค่อยากจะบอกว่าผมเกลียดคนพูดว่า "รู้งี้" ใครเค้ารู้อนาคตกันบ้างครับ   ถ้ารู้เค้าก็รวยกันหมดแล้วครับ 
- หาวิธีซื้อหุ้นที่ทำให้คุณไม่เสียดายเมื่อมันขึ้น และต้องเป็นวิธีเดียวกับที่คุณไม่เสียใจเมื่อมันลง  ผมบอกแล้วนะครับการลงทุนอย่ามองด้านเดียว   อย่าปรุงแต่งวาดภาพว่ามันขึ้นอย่างเดียว ผมแนะนำว่าตั้งราคาที่คุณต้องการซื้อแล้วซื้อครึ่งหนึ่งด้วยจำนวนเงินครึ่งหนึ่งครับ แล้วอีกครึ่งหนึ่งคุณค่อยหาจังหวะซื้อเอาเองอีกที

    5. เราถือหุ้นตัวหนึ่งที่เราตั้งราคาที่จะขายไว้ที่ราคาหนึ่งแต่เมื่อถึงจุดนั้นเราคิดว่าถือต่อไปอีก
        อันตรายจากการคิดแบบนี้ : ถ้าขายไม่ทันสุดท้ายเราอาจจะติดดอย
        ลองคิดงี้ดู :
- ผมไม่รู้วิธีคิดแก้ปัญหานี้ผมจึงไม่ดึงดันที่จะอยู่ในสนามเก็งกำไร แต่ถ้าใครอยากเก็งกำไรจะต้องขาย cut loss เป็น(cut loss คือการยอมขายขาดทุนที่จุดๆหนึ่งเพื่อไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้) และ ขายหมูเป็น(ขายหมูคือการยอมขายเพื่อเอากำไรน้อยดีกว่าขายไม่ทันเลย  ส่วนมากแล้วหลังจากขายไปแล้วราคาหุ้นมักจะขึ้นต่อไปอีก)
-ถ้าใครทำใจขาย cut loss กับ ขายหมูไม่ได้อย่าไปเล่นในสนามเก็งกำไรเลยครับ เสียเงินเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์กับการสร้างความมั่งคั่ง


เรื่องการตัดนิสัยโลภทิ้งนั้นต้องอาศัยเวลาฝึกและต้องมีพลังสมาธิสูงในการที่จะรู้ตัวเองณ ขณะหนึ่งว่าเรากำลังโลภอยู่หรือไม่ ผมคงไม่มีอะไรพูดสรุปวิธีการตัดความโลภอะไรมากไปกว่านี้แล้วครับ เพราะยิ่งพูดยิ่งเยอะ สิ่งที่พูดเหมือนเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ผมบอก trick ที่ดูตลกนิดนึงครับแต่เป็นวิธีที่ได้ผลมากๆเลยสำหรับผม นั่นคือการฝึกสมาธิโดยการท่องมนต์บทยาวๆ ขอย้ำนะครับว่าท่องมนต์ไม่ใช่อ่านมนต์ เพราะการท่องมนต์จะสร้างสมาธิให้เราขณะที่เราท่องอยู่(ส่วนตัวผมท่องพระคาถาชินบัญชรครับ)


                                        

No comments:

Post a Comment