ต่อจากตอนที่แล้ว ผมขอออกมาสารภาพก่อนเลยว่าในตอนที่ผมเด็กกว่านี้(อายุประมาณ 22-23 ปี) ผมเป็นคนที่ถือว่าสิ่งที่ตัวเองคิดหรือทำคือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ผมชอบสอนน้องสาวผมอยู่บ่อยๆว่าทำไมไม่อ่านหนังสือนี้ละ ทำไมไม่ลงทุนบ้างล่ะ ทำไมไม่แบ่งเวลาบ้างล่ะ
ลักษณะคำพูดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
จริงอยู่สิ่งที่เราสอนเป็นสิ่งที่ถูกต้องในความคิดของเราแต่ของคนอื่นมันไม่ใช่ เราเคี่ยวเข็ญไปก็เปล่าประโยชน์ครับ แนะนำว่าให้ใช้กุศโลบายอื่นที่สร้างสรรค์กว่านี้สอนดีกว่า ผมขอยกตัวอย่างต่อไปเลยละกันสำหรับตัวอย่างของบุคคลที่มีอัตตา
นาย C : กุไม่เข้าใจเจ้านายเลยว่ะ
ไปให้ไอ A มันทำงานนี้ได้ไงวะ กุว่า A มันไม่ค่อยขยันและไม่ค่อยฉลาดพออ่ะ
นาย D : เห้ย แต่ว่าไอ A มันนอบน้อมและก็ซื่อสัตย์ดีนะ
กุว่าก็เหมาะแล้วแหละ
นาย C : กุว่างานนี้ยากเกินสำหรับ A ว่ะ ขนาดกูกูว่ายังทำไม่ได้เลยอ่ะงานนี้
อันนี้เป็นตัวอย่างของคนที่มีสมาธิหรือว่าปัญญาไม่เพียงพอในการจับอัตตาที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวภายใน ลักษณะแบบนี้ก็เหมือนกับคนหลงตัวเองนั้นแหละครับ การหลงตัวเองเป็นสิ่งที่เกิดกับมนุษย์ทุกคนเพียงแต่เราจะจับมันติดหรือปล่าว?
ผมขอยกตัวอย่างต่อไปที่แสดงถึงการหลงตัวเองอีกรูปแบบหนึ่ง
นาย X : ผมเซ็งมากเลยครับ ผมไม่เข้าใจว่าผมทำงานทันและทำงานดี
ทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่ปรากฏว่าผมไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ไอ A มันได้เลื่อนตำแหน่งทั้งที่วันๆมันไม่ทำอะไรเลย
เอาแต่ประจบเจ้านาย
ตัวอย่างนี้เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์เงินเดือนมากมาย นาย X คนนี้เป็นคนหลงตัวเอง
หลงไปว่าตัวเองเก่ง ตัวเองทำดี แต่ถามหน่อยเหอะ จริงเหรอ? ทำงานดีจริงเหรอ?
ถ้าดีจริงทำไมไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีล่ะ
เลิกหลงตัวเองแล้วไปทำงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงเถอะครับ ดีกว่ามานั่งตีโพยดีพาย
สรุปเลยละกัน ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมต้องการให้ความรู้เพื่อสร้างความมั่งคั่งไม่ใช่เพื่อการลงทุนอย่างเดียว คนเราอาจจะไม่ต้องลงทุนก็ยังมั่งคั่งได้โดยการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตัวอย่างข้างบนเป็นลักษณะทางความคิดพื้นฐานในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หลังจากนั้นความมั่งคั่งก็จะตามมาเอง
No comments:
Post a Comment