Monday, March 28, 2016

ความรู้ทางการลงทุนที่ได้มาหลังจากเรียน "การวางแผนการเงิน"

ในจังหวะหุ้นจะขึ้นจะลง หรือ หุ้นจะลูกผีลูกคนยังไงสุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ในระยะยาวมากที่สุดจากการลงทุน คือ คนที่ไม่ประมาทคิดว่าตัวเองเดาทิศทางตลาดออก


คนส่วนใหญ่ เราเองก็รู้ๆอยู่ว่าส่วนใหญ่จะเจ๊งหุ้นหรือไม่ก็ได้กำไรไม่เท่าไหร่หรอก (ในระยะยาวนะครับ)(หมายถึงถ้าเล่นหุ้นตลอด 20-30 ปี) แต่เราเองก็มักจะหลุดหลงคิดว่าเราเดาตลาดได้ หรือไม่ก็ไปเทิดทูนคนที่เดาตลาดได้


เอาจริงๆเบื้องหลังของคนที่เราเทิดทูนว่าเป็น "เทพ" ของการเดาทิศทางหุ้น ถ้าเรารู้เบื้องหลังของเค้านะครับจะรู้ว่าได้กำไรจริงๆ น้อยยยยยยยยยยยยยมากเมื่อเทียบกับคนที่ซื้อขายน้อยครั้งมากตลอด 30 ปีที่ลงทุน


อย่าลืมว่ามนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะเล่าเฉพาะเรื่องดีๆ เท่ๆ ของตัวเองให้คนอื่นฟังเท่านั้น จะไม่ค่อยเล่าเรื่องห่วยแตกให้คนอื่นฟังหรอกครับ


ความรู้เหล่านี้ ผมเองคงจะไม่ได้มันมาถ้าไม่ตัด "ความหลงตัวเอง" หรือ "EGO ที่คิดว่าเรารู้แล้วเก่งแล้วออกไป"


ปล.อย่าเข้าใจผมผิดนะครับว่าผมหลงตัวเองที่คิดว่าเราไม่หลงตัวเอง การหลงตัวเองมันเป็นสิ่งๆนึงที่เกิดกับผมก่อนหน้านี้เหมือนกันกับมนุษย์ทุกคน ผมเพียงแต่อยากบอกว่า ฟังคนอื่นเยอะๆครับ เพราะผมเองได้ความรู้จากคนที่ดูเหมือนต่ำกว่าเรา (แต่จริงๆสูงส่งกว่าเรา) เยอะมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้


#จบแล้ว

คนที่รวยโหดๆหรือ "รวยจริง" ผมว่าขึ้นอยู่กับปริมาณคนที่เค้าใช้งาน

คนบางคนใช้งานคนแค่คนเดียวยังลำบากแทบลากเลือด ผิดกับอีกคนหนึ่งที่ใช้คนได้เป็นล้านๆ คนทำงานให้ แล้วคนที่ถูกใช้งานยังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกหลอกใช้งานอยู่


โดยเฉพาะคนที่ใช้งานคนคุณภาพสูงอย่าง CEO ขั้นเทพให้ทำงานให้เค้าได้ (นักลงทุน) กับคนที่ใช้งานคนที่มีคุณสมบัติ "ความเป็นผู้นำ" ให้ช่วยขยายองค์กรได้ (คนทำธุรกิจเครือข่ายที่มีเถ้าแก่หรือผู้นำคนกลุ่มย่อยให้มาตามเรา)


หนังเรื่องทรอยมีพูดถึงตัวละครตัวนึงที่พูดกับอคิลลิสว่า "บางครั้งเราก็ต้องตามคนบางคนเพื่อที่จะนำคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ราบรื่น" (อาจจะไม่ได้พูดแบบนี้เป๊ะแต่ก็น่าจะใกล้เคียงทางด้านความหมาย)


เค้าถึงมีคำพูดว่า "ยิ่งเรามีคุณสมบัติความเป็นผู้นำสูงมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เราประสบความสำเร็จจริงๆมากขึ้นเท่านั้น"


#จบแล้วคับวันนี้สั้นหน่อยนึง

Thursday, March 24, 2016

สัญญาณที่บอกว่าเรามี "EGO"

"Ego" เกิดได้กับทั้งคนที่ยังจนอยู่แต่ดันคิดไปแล้วว่าเราฉลาดจนไม่ฟังใครได้ ( สมมุติฐานคือส่วนใหญ่คนที่มีน้ำครึ่งแก้วมักจะรวยเสมอ) น้ำเต็มไปก็ไม่ดี ...ว่างเลยก็ไม่ดี


อีกทั้งยังเกิดกับคนที่ประสบความสำเร็จเร็วจนคิดว่าชีวิตนี้ประสบความสำเร็จแล้ว 


อย่าลืมว่า "สงครามยังไม่จบ ยังนับศพทหารไม่ได้" เราเองอาจแค่ประสบความสำเร็จแค่ช่วงหนึ่ง ( อาจตอนหนุ่มๆ ) แต่ตราบใดที่ยังไม่ตายนี่ห้ามประมาทเลยนะ เพราะประมาทเมื่อไหร่ ความซวยของจริงจะมาเยือน


คนที่จะรวยจริงเป็นส่วนน้อยมากของโลกนี้ ( ในความเห็นของผมเอง ) คือคนที่อายุยืนกว่าคนอื่นแต่มีช่วงเวลาที่ประมาทน้อยกว่ามากๆเมื่อเทียบกับคนที่มีอายุเท่ากัน


คุณ Warren Buffett อายุ 85 ปี( ปี 2016 ) สามารถคงความรวยตลอดมาจนอายุ 80 กว่าได้ทั้งๆที่บริจาคไปตั้งเยอะ หาน้อยคนจริงๆที่รวยน้อยๆแต่นานๆจนถึงอายุขนาดนี้(จริงๆก็ไม่ได้รวยน้อยหรอกครับ)


สัญญาณที่บอกว่าตัวเองประมาทที่คิดว่าเรา " รู้เยอะแล้ว " ก็อย่างเช่น
** เวลาคนอื่นแสดงความเห็นส่วนตัวของเค้าออกมาแล้วเราเองชอบพูดว่า "ไม่ใช่" หรือว่า "ไม่หรอกคิดงั้นก็ไม่ถูก" เราเองต้องเชื่อนะว่าความเห็นของคนอื่นไม่ได้ผิดหรอก เพราะทุกความเห็นบนโลกนี้ไม่มีถูกมีผิด

** เวลาคนอื่นพูดอะไรมาแล้วเราเองฟังเค้าน้อยมาก จนจับใจความไม่ได้ แล้วมักจะถามซ้ำว่า "อะไรนะ

#2ข้อพอแล้วคิดข้อ 3 ไม่ออกแหละ
#ผมเองมันเป็นคนไม่ฉลาดแต่เด็กครับแต่เรามองโลกแง่ดีนิดนึงว่า "คนห่าไรจะฉลาดแต่เด็กวะ คนยิ่งใหญ่เยอะแยะที่โง่มาก่อน"
#ผมเลยไม่ได้อยากเรียนสูงๆมากขนาดนั้นเพราะการเรียนเยอะจะทำให้เรา"มีแนวโน้ม"ที่จะคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น
#แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเรียนสูงจะไม่ประสบความสำเร็จนะครับ เพราะ Buffett เองก็จบปริญญาโทเหมือนกัน
#Trickสุดท้ายที่ผมใช้เป็นแนวทางในการทำธุรกิจคือความคิดที่ว่า "คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าเราคบคนรวยๆเราจะได้รวย" แต่ผมแอบคิดเพิ่มเข้าไปอีกว่า "บางทีคนรวยจริงเค้าอาจจะเป็นคนปั้น connection ที่ยังจนอยู่ของเค้าเองให้รวยก็ได้"
#สุดท้ายจริงๆละครับคือ เราเองจะเป็นคนมีเพื่อนเยอะ มี connection เยอะได้ ผมคิดว่าเป็นเพราะคนที่มีเพื่อนเยอะคนนั้นค้นหาจนเจอว่า "สิ่งไหนที่เราสามารถทำประโยชน์ให้ชาวบ้านเค้าได้" อย่างผมเองให้เพื่อนเราได้ 3 อย่างที่คิดออกตอนนี้คือ "ให้กำลังใจเก่งมาก"  "ให้ความสนุกกับเพื่อนๆตอนเที่ยวกลางคืน" "ให้ความรู้เรื่องเงินกับชาวบ้านน่าจะเก่งพอใช้ได้ระดับนึงครับ"


#นอนเถิด