Saturday, May 14, 2016

เงินที่ออกจากกระเป๋า...คือค่าใช้จ่ายหรือการลงทุน

คำนิยามของการลงทุนของผมหมายรวมไปถึง ทุกการให้ (ไม่เฉพาะเงิน) ที่พอให้ไปแล้วสร้างทรัพย์สินอะไรบางอย่างให้กับเรา....ขอเน้นว่าต้องให้แล้วเกิด "ทรัพย์สิน"

ทำไมถึงบอกว่าคนเราสามารถลงทุนได้ตลอดเวลาแม้ไม่มีเงิน....คนเราสามารถให้อะไรคนอื่นได้เสมอ....ถึงไม่มีเงินก็อาจให้ "ใจ" "เกียรติ์" "เวลาช่วยผู้คนทำงานส่วนกลางที่ไม่ได้เงิน" เป็นต้น

แต่ในบทความนี้คงเน้นเฉพาะเรื่องการ "ให้เงิน"  ซะมากกว่า

คนบางคนลืมไปและจำกัดหนทางในการลงทุนอย่างไม่รู้ตัว....คนชอบซื้อหุ้นก็ซื้อแต่หุ้น...คนชอบซื้อที่ดินก็ซื้อแต่ที่ดิน

บางครั้งเราจ่ายเงินออกไปกับค่าศัลยกรรมเสริมสวย...ผลลัพธ์คือเราก็จะสวยขึ้นจนได้แฟนรวยๆ อันนี้ก็นับว่าลงทุน

บางครั้งเราจ่ายเงินออกไปเพื่อซื้อใจคน...และเมื่อมีคนเยอะแยะติดตัวเรา...คนเหล่านี้แหละที่อาจเป็นกำลังสำคัญต่อการสร้างเงินในอนาคตก็เป็นได้

สัญญาณที่บอกว่าเราลงทุนน้อยเกินไป...คงจะไม่โผล่มาให้เห็นชัดเจนนักในวันที่เรายังหนุ่มๆสาวๆ...แต่พอเราแก่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างคนที่ลงทุนกับคนที่ไม่ลงทุน โดยดูจาก Passive Income ที่ได้

คนแก่บางคนพอเกษียณแล้วก็มีรายได้น้อยลงมากหรือเกือบแทบไม่มี...ผิดกับคนแก่ที่มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ เพราะลงทุนตลอดเวลาก่อนจะเกษียณ

หนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" ถึงพูดว่า " คนรวยใช้เวลาแทบจะตลอดเวลาทำงานเพื่อสร้างทรัพย์สิน แต่คนจนใช้เวลาแทบจะตลอดเวลาทำงานเพื่อสร้างเงิน"

คนที่ทำงานกับบริษัท  ก็มักใช้เวลาทำงานทั้งหมดคิดค้นสร้างทรัพย์สินให้บังเกิดขึ้น และพอเกิดทรัพย์สินนั้นขึ้นมาก็ตกเป็นของบริษัทที่เราสังกัดอยู่

มีการลงทุนดีๆ อีกเยอะมากบนโลกถ้าเราเปิดใจ ไม่ปิดโอกาส

คนฉลาดเยอะแยะส่วนใหญ่บนโลกนี้ที่ไม่ได้มีชีวิตดีๆอย่างที่ใจลึกๆต้องการ

เอาจริงๆ โอกาสที่ทำให้ชีวิตดีๆมันผ่านมาเสมอ...อยู่ที่ว่าเราแกล้งโง่ไม่คิดอะไรให้มันเยอะมากพอรึปล่าว....เพราะถ้าเราโง่มากพอก็จะคว้ามันเอาไว้แบบไม่ต้องคิดเยอะเกินไป...

...เท่านั้นเอง

Monday, May 2, 2016

ความสามารถในการรักษาสัญญามีผลต่อ "ความสำเร็จของชีวิต"

ก่อนอื่นผมขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่า ผมเองไม่ได้เขียน Blog นี้เพื่อโจมตีคนที่ไม่รักษาสัญญากับผมนะครับ


เพราะถ้าผมโจมตี มันก็เหมือนว่าผมชมตัวเองว่ารักษาสัญญาเก่งนักเก่งหนา ทั้งที่ตัวผมเองผิดสัญญาอยู่บ่อยครั้งมาก


หน้าที่ของคนคนนึงคือพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นอยู่เสมอ แต่หน้าที่เราไม่ใช่ไปคาดหวังให้คนอื่นเป็นคนดี....เหตุผลคือเมื่อไหร่ที่มีความคาดหวังเกิดขึ้นในตัว เมื่อนั้นเราจะไม่มีความสุข


พวกเราทำเต็มที่ในเหตุที่จะรวย ส่วนผลที่จะรวยหรือไม่ก็อย่าคาดหวังเยอะ....เพราะพอคาดหวังแล้วไม่ได้ดังหวัง เมื่อนั้นเราจะหมดแรงที่จะพยายามต่อเป็นรอบที่ 2


สัญญาณที่แสดงถึงการผิดสัญญาก็เช่น
*บอกว่าจะกลับกี่โมงแต่ดันกลับช้ากว่านั้น
*บอกว่าจะวนกลับมาซื้อแล้วสุดท้ายไม่กลับมาและไม่แม้แต่จะวนกลับไปขอโทษคนที่เราสัญญากับเค้าไว้
*บอกว่านัดตอนนี้แต่เรากลับมาสายไม่ตรงตามที่นัดไว้
*บอกว่าจะทำยอดขายให้ได้เท่านี้แต่พอถึงเวลาจริงกลับกลายเป็นทำไม่ได้เพราะเราไม่พยายามพอ
*บอกว่าเราจะทำงานจริงจังแล้วหลังจากวันนี้เป็นต้นไป...แต่พอวันพรุ่งนี้ก็เหลวไหลเหมือนเดิม

เรื่องพวกนี้ผมทำมาหมดแล้วครับ ผมเลยเข้าใจว่า มันก็ "ไม่แปลก" ที่เราจะโดนเหมือนกัน


ผมว่าพอเราโดนผิดสัญญา แล้วสิ่งที่ควรทำคืออย่าก่นด่า....ทุกครั้งที่ก่นด่ามันหมายความว่าเราไม่มีสติรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราเองก็ผิดสัญญาอยู่บ่อยๆ (ยกหางตัวเองทางอ้อม)


ย้ำอีกครั้งครับว่า ผมไม่โกรธคนที่ผิดสัญญากับผมอย่างใจจริงครับ ผมเองแค่เรียนรู้และจำเอาไว้ เพื่อบริการแต่ละคนให้แตกต่างกัน คนที่รักษาสัญญากับเราสูงมาก เราจะเห็นในพระคุณอันนั้นมากกว่าคนอื่นก็แค่นั้นเอง แต่คนที่ไม่รักษาสัญญา เราก็แค่รอเค้าได้ว่าจะถึงสักวันนึงที่เค้าพัฒนาตัวเองเป็น "ยอดคน" ที่รักษาสัญญาอย่างโหดๆ


#ใครมันจะเป็นยอดคนตั้งแต่เกิดกันล่ะ เราก็ต้องให้ Second chance ผู้อื่นเสมอแล้วโลกก็จะน่าอยู่จากข้างในใจเรา


#ขอบคุณการเรียนรู้จากการทำอาชีพที่ปรึกษาการเงิน เพราะมันทำให้เราเป็นคนที่มีคุณภาพขึ้นเยอะมาก :)