Monday, October 5, 2015

การเริ่มทำธุรกิจ....เหมือนกับ การขึ้นขี่หลังเสือ

ในมุมมองของผมเอง....เมื่อไหร่ที่ใครในชีวิตผม ตัดสินใจจะสู้ทำธุรกิจ ผมจะสนับสนุนเต็มที่มากๆ และก็อาจจะให้กำลังใจเค้านิดหน่อย ว่า "เค้าคิดถูกแล้ว ขอให้สู้อย่างเดียว อย่ายอมแพ้เท่านั้น สำเร็จชัวร์"


แต่สไตล์ของผม ถ้าเป็นเพื่อนที่คุยกันง่าย ผมจะบอกอีกอย่าง(ที่ย้ำว่าบอกเฉพาะเพื่อนที่คุยกันง่ายเท่านั้นเพราะว่า คนที่คุยยาก เค้าอาจจะไม่ชอบที่เราสอนเค้าก็เป็นได้) ผมจะบอกว่าเริ่มเหยียบเข้าธุรกิจแล้ว เหมือนขึ้นขี่หลังเสือ ครั้นถ้าเราจะวางแผนว่าสักวันนึงเราจะได้ "เลิก" Focus กับมันแล้วหนีกลับมาทำงานประจำหรือเกษียณได้เร็ว ผมบอกเลย "ไม่มีทาง" ........................คิด Worst case ไปได้เลยว่า เราอาจจะมีโอกาสเกษียณช้าหรือจนกว่า ทำงานเป็นลูกจ้างประจำด้วยซ้ำ


การคิดที่จะทำธุรกิจแบบครึ่งๆกลางๆ(พร้อมออกมาจากธุรกิจ) แบบนี้ อาจทำให้เวลาทำธุรกิจเนี่ย เราจะยั้งๆ อยู่เรื่อย "โดยไม่รู้ตัว" ถ้าไม่เชื่อลองไปดูสิครับว่า พวกที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ นิสัยที่เค้ามี ไม่ใช่ว่าเค้าซื่อสัตย์กว่าคนอื่น หรือเค้าเรียนรู้ดีกว่าคนอื่น หรือเค้าฉลาดกว่าคนอื่น เลยนะครับ แต่นิสัยนั้นกลับเป็นว่า เค้าเป็นคนไม่ยอมแพ้ หรือไม่ยอมเลิกราจนกว่าจะประสบความสำเร็จ และอีกอย่างที่มีคือการไม่กลัวที่จะล้มแล้วกลับไปเป็นศูนย์(ด้านการเงิน)อีกครั้ง.................... ที่บอกว่าเป็นศูนย์ด้านการเงิน เพราะว่า เอาจริงๆแล้วเราได้ "ประสบการณ์" ขึ้นมาทดแทนเงินที่สูญไปต่างหากล่ะ.........ไม่ใช่ศูนย์ซะทีเดียว


คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำอะไรสักที.....บางทีแล้วอาจเป็นเพราะว่าเค้าเลิกล้ม ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ เท่านั้นเอง!!!


ผมเองก็ลอง Trial and error บ้างเหมือนกัน ผมลองทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาเรื่องเงิน....แต่บอกตรงๆว่าผมห่างจากคำว่า "ประสบความสำเร็จ" อีกมาก ผมบอกตัวเองเลย "ห้ามยอมแพ้" ต้องฝึกตัวเอง และก็เรียนรู้เพิ่มในสิ่งที่ตัวเองห่วย และก็ฟังคำตำหนิจากคนอื่นเยอะๆ ผมเชื่อว่าสักวันนึง ผมคงถูกเกลาจนประสบความสำเร็จได้อ่ะครับ ผมเชื่อแบบนั้น


เราอาจจะจนกว่า เหนื่อยกว่า และก็เกษียณช้ากว่า คนที่ทำงานประจำได้ แต่สิ่งที่ทำให้เรายังอยู่บน Track ของการเป็นผู้ประกอบการได้คือแค่เรา "มีความฝัน" ตัวผมเองมี Warren Buffett ที่ผมอยากเป็นเหมือนเค้า มันทำให้ผมเหนื่อยแต่ก็ทู่ซี้ทำต่อ และฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา 


สุดท้ายครับ (วันนี้บทความสั้นหน่อย^^) เรื่องที่คนทุกคนมีความฝันนี่คือเรื่องจริงครับ  ตอนเด็กๆเราฝันได้ง่ายๆมากเลย เพราะเรายัง "ไร้ซึ่งเหตุผล" ไงครับ........พอโตๆขึ้นมา เรากลายเป็นคนมีเหตุผลมากขึ้น ซึ่งดีมากครับไม่ใช่ไม่ดี แต่ต้องยอมรับอย่างนึงว่า ดาบอีกคมนึงที่มาพร้อมกับความมีเหตุผลก็คือ การทำให้คนเรา "ไร้ความฝัน" ชีวิตตั้งแต่วันที่เราไร้ความฝันคือชีวิตที่เราหมดซึ่งเรี่ยวแรงและพลัง


ขอเป็นกำลังใจให้คนมีฝันและก็ลงมือทำมันด้วยการวางเหตุผลออกไปข้างๆตัวดูครับ......ผมเองก็กำลัง work กับมันอยู่ในการวางเหตุผลออกไป......อย่าเข้าใจผมผิดว่า จะสนับสนุนให้มีนิสัยไม่พอเพียงนะครับ....คนที่ไม่พอเพียงจะมีความทุกข์อยู่เรื่อยเพราะไม่เคยเห็นว่าชีวิตปัจจุบันดีสักที แต่คนที่มีความฝันที่อยากทำมันเป็นคนที่เห็นว่าชีวิตปัจจุบันเราทำดีพอใช้ได้แล้วและพอใจกับวันนี้แล้ว เพียงแต่เราอาจทำอะไรเพิ่มขึ้นบ้างดีล่ะที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นไปกว่านี้อีก


##สู้ๆครับเพื่อนมนุษย์ที่อยากตามฝัน

No comments:

Post a Comment