Thursday, October 1, 2015

เหตุผลว่าทำไมคนรวยจริงมีน้อยเหลือเกิน

ก่อนอื่นเลยต้องแจ้งให้ทราบก่อนเลยว่า ผมไม่ได้เอาความคิดที่ผมกำลังจะบรรยายนี้มาอนุมานว่ามัน "เป็นความจริง หรือ Fact" นะครับ มันเป็นแค่ความเห็นและการตีความของตัวผมเองเท่านั้น อ่านไว้เผื่อไว้เป็นอีก 1 มุมมองที่มีต่อโลก และบางทีมุมมองนี้อาจโดนใจใครบางคนขึ้นมาครับ


ความคิดผม ผมแบ่งกลุ่มคนบนโลกไว้เป็น 5 กลุ่มละกันครับ แต่ผมขอพูดถึงแค่ 2 กลุ่มที่เป็นระดับบนๆของโลกนี้ นั่นคือ "Billionaire กับ millionaire"


เคยได้ยินกฎพวก 90/10 หรือ 80/20 รึปล่าวครับ....จริงๆผมเองเคยได้ยินมาหลายแนวมากกับกฎพวกนี้ แต่ขอพูดแนวหนึ่ง นั่นคือ "คน 10% บนโลกถือครองทรัพย์สิน 90% บนโลก"


ความเห็นของผมเอง คือ คน 10% ที่ว่านี้เท่านั้นที่เรียกว่าเป็น Billionaire ส่วน Millionaire ถือว่าก้ำกึ่งมาก เพราะเค้ากระโดดไปๆ มาๆ ระหว่างกลุ่ม 90% กับ กลุ่ม 10% นี้อยู่เรื่อย


ขออธิบายโดยยกตัวอย่างลักษณะการลงทุนของคนที่เป็น Millionaire นิดนึงครับ อ่านแล้วอาจเข้าใจและเอาไปปลอบใจคนเคยรวยที่เค้าคิดแบนี้ว่า "ทำม้ายทำไม...ทำไม Millionaire อย่างกูถึงต้องวนเวียนมาเจอจุดตกต่ำโหดๆ หยั่งงี้อีกแล้ววะ???"


+++Millionaire แคร์เรื่อง Leverage โดยใช้เงินกู้(ใช้เงินคนอื่นมาทำงานให้เรา) น้อยเกินไป หรือ แคร์เรื่องคนมาช่วยเค้าทำงานน้อยเกินไป ทั้งชีวิตเลยต้องทำงานหนักเพราะไม่ใช้ประโยชน์จากเวลาของลูกน้องที่มาช่วยงาน.......รวยช้าาาาาาาามากกกกกกกก



+++ ขอสมมุติสถานการณ์โดยใช้ตลาดหุ้นเป็นเกณฑ์ครับ Millionaire มักจะได้กำไรจากตลาดหุ้นเยอะๆมากเสมอ มากเสียจนทำให้ "เค้าลืมตัวและประมาท" ไปว่า 5 ปีได้กำไรมาเท่านี้ ถ้าเรายัง keep แผนเดิม เราก็คงจะได้กำไรประมาณเดิมนั่นแหละ ในอีก 5 ปีต่อไป

สุดท้ายกำไรที่ได้มหาศาล ที่เกิดจาก Capital  Gain ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นเหตุผลให้นำเงินที่มากขึ้นเหล่านั้นไปซื้อหุ้นที่ราคาแพงขึ้น มีความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นที่มาของการขาดทุนมากเท่าๆกับกำไรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่หุ้นลงมาแค่นิดเดียวเอง อย่าลืมนะครับว่าหุ้นมันขึ้นมา "กี่ร้อย%" ก็ไม่รู้ แต่ลงแค่ไม่ถึง 20% ก็โอดครวญกันแล้ว...แล้วถ้าฟองสบู่แตกล่ะ???

 5 ปีที่แล้วมีทรัพย์สินรวมแล้ว 1 ล้านบาท อีก 5 ปีถัดไปทรัพย์สินกลายเป็น 5 ล้าน จากการลงทุน แต่พอเกิดฟองสบู่แตกจาก 5 ล้านเลยกลับไปเหลือ 1 ล้านเหมือนเดิม หรือถ้าดีหน่อยก็อาจเหลือกำไรนิดหน่อย



+++คนอีกกลุ่มที่น่าสงสารมากกว่าอีก คือกลุ่มคนที่ไม่ใช่ Millionaire ให้ทายว่ามีลักษณะลงทุนหุ้นยังไง?

กลุ่มนี้เข้าตลาดหุ้นช่วงที่หุ้นขึ้นมาเยอะมากแล้ว ดังนั้นเค้าจะ "ไม่เคยได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ" มาก่อนเลยเพราะไม่ได้ลงทุนตั้งแต่ช่วงดัชนีต่ำๆ แต่พอเค้ามาลงทุนช่วงหุ้นอยู่สูงๆ แสดงว่าโอกาสที่เค้าจะขาดทุนย่อยยับ สูงมาก เป็นเกมพนันที่โอกาสชนะยากเต็มที สิ่งที่ผมได้แต่บอกคือ "อย่ามั่นใจหรือคาดหวังอะไรอย่างสุดโต่ง" ว่าเราจะได้กำไรเยอะๆๆๆ จากการซื้อหุ้นที่ดัชนีเท่านี้  กำไรนิดหน่อยก็ขายเถอะ ขาดทุนนิดหน่อยก็ตัดขาดทุนไปบ้างเถอะ ยกเว้นซื้อหุ้นที่เราประเมินแล้วว่า มันคือหุ้นชั้นยอดจริงๆและ มีการเสนอราคาขายหุ้นให้เราที่ Reasonable Price


การลงทุนและวิธีการลงทุนที่ทำได้ทุกเวลาเลยโดยไม่ต้องกลัวหุ้นจะขึ้นหรือลง สำหรับตัวผมคิดว่าก็คงเป็น ลงทุนใน Index Fund และ ซื้อมันโดยวิธีเฉลี่ยซื้อเท่าๆกันทุกเดือน การลงทุนที่ว่าอาจไม่ได้ทำให้รวยมากสุดๆ เร็วสุดๆ แต่รวยขึ้นแน่ในระยะยาว 30 ถึง 40 ปีข้างหน้าครับ


คนลงทุนโหดๆเยอะแยะที่ชนะการลงทุนมา 9 ครั้ง แต่แพ้ที่ครั้งที่ 10 ตอนอายุ 60 ปี  สรุปแล้ว เค้ารวยมาทั้งชีวิต แต่กลับมาจนตอนแก่ อันนี้น่าสงสารที่สุด


เงิน 1 ล้าน กลับกลายมาเหลือ 1 ล้านเหมือนเดิมในอีก 40 ปีข้างหน้า แค่นี้ก็มีใช้ไม่พอแก่แล้วครับ ต้องกลับมาพึ่งลูกหลานอยู่ดี


#อยากจะเล่นกับกองไฟได้ครับ...แต่ก็หักเงินลงทุนแนวเกษียณไว้บ้างติ่งนึง






No comments:

Post a Comment