Thursday, September 24, 2015

ความประมาทเป็นหนทางสู่หายนะ

โลกของการลงทุน จริงๆผมมองว่า มีหลายปัจจัยมากที่จะตัดสินว่า คนคนนึง "ชนะ" ในเกมการลงทุนรึเปล่า


มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะมากมายที่ คนมีเงินและก็ทรัพย์สินเยอะแยะ สุดท้ายต้องมาเจ๊งและสูญเสียเงินมากมายมหาศาล...แต่สังคมเราชอบอ้างว่า "เค้าลงทุนอะไรก็ประสบความสำเร็จนิ มันเพราะเค้ามีเงินทุนเยอะ"


คนส่วนใหญ่ไม่เคยนึกถึงวันที่คนรวยคนนั้นไม่ได้มีเงินเลย เผลอๆมีเงินเมื่อคิดเงินเฟ้อออกไปแล้วน้อยกว่าเงินของเราๆท่านๆในปัจจุบันซะอีก


ประเด็นคือเรามองแค่เงินหรือทรัพย์สินที่เรามีวันนี้ เราเองสามารถทำให้เงินเรา "โตเร็ว" กว่าคนที่รวยอยู่แล้วได้หรือเปล่า........ตังหากล่ะ........ ไม่ใช่อ้างว่าเค้ามีทุนเยอะเลยลงทุนง่ายกว่าเรา เหตุผลนี้สำคัญมาก....เป็นตัวบอกเราเลยว่า "อย่าลงทุนเพราะเห็นว่ารายใหญ่ทำอะไร" เช่นเห็นเค้าซื้อ Biglot ที่ราคานี้ก็เข้าใจว่าเป็นราคาที่ดีแล้ว แมงเม่ารายเล็กอย่างหลายๆคนก็แห่ซื้อตามๆกันไป อะไรทำนองนี้ อย่าลืมว่านักลงทุนไม่ได้ "โง่" คนที่ซื้อ Biglot อาจจะคิดผิดเมื่อเทียบกับคนที่ตัดสินใจขาย Biglot ก้อนนั้นให้กับคนซื้อก็ได้


การไม่ประมาท คือนิสัยที่ใช้ได้ทั้งชีวิตจริง และ โลกของการลงทุน


ผมเองเคยอ่านบทความจาก (ขออนุญาตเอ่ยที่มาของบทความ) Thaipublica ที่กล่าวถึงเรื่อง "ทำไมคนดีถึงนอกใจ" (คลิกตรงนี้เพื่อพาไปที่ Linkเป็นบทความที่สุดยอดมากจริงๆ


+ผมไม่คอรัปชั่นแน่ๆ ถึงลูกผมจะขับรถชนคนตายแบบคนในข่าวนั่น ผมก็จะไม่ติดสินบนเจ้าพนักงานแบบนั้นหรอก
+ผมไม่นอกใจชัวร์ 
+คนก่อเหตุนี่เลวจริงๆ ไม่รู้ว่าใจเค้าทำด้วยอะไรถึงได้ทำแบบนี้ได้ลงคอ

3ตัวอย่างที่ว่าคือคำพูดของคนดีทั้งหลายครับ  เป็นคนดีมากเลยที่กล้าพูดแบบนั้นได้ ติดตรงที่ว่าเค้าเป็นคนดีที่ประมาทไปนิดนึง.........เค้าแค่ไม่อยู่ในสถานการณ์ของคนที่คอรัปชั่น    คนที่นอกใจ    และคนที่ก่อเหตุ เค้าก็เลยพูดได้ครับ


ในโลกของการลงทุน ผมยกแค่ตัวอย่างเดียวคือ คนที่มั่นใจอย่างที่สุด กับความสามารถในการคาดการณ์ทิศทางตลาด


เอาจริงๆ เราไม่มีทางรู้เลยนะครับว่าตลาดมันจะขึ้นหรือลง หรือยังไงกันแน่ ตัวอย่างที่เราพึ่งเห็นกัน เมื่อไม่นานมานี้ก็คือ เหตุระเบิด ที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นมาเฉยเลย จนทำให้ตลาดหุ้นที่ไม่ใช่ว่าทรงไม่ดีอะไรนะครับ แต่กลับหัวทิ่มรุนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา (สิงหาคม ปี 2558)


ตลาดอยู่ดีๆก้อประเมินกันว่า "ราคาหุ้นถูกมากแล้ว" หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทีมงานบริหารเศรษฐกิจของประเทศ (กันยายน ปี 2558) ทั้งที่จริงๆแล้วแค่เปลี่ยนหน้าผู้บริหารแปบเดียวเอง ผลงานยังไม่ทันออกมาให้เห็นเลย


ผมยังคงยืนยันคำเดิมว่า "ไม่มีใครที่เดาตลาดได้ว่าจะขึ้นหรือลง" มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกตรงที่พวกเรา "ชอบ" หาทฤษฎีเดียวที่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์ และมนุษย์ทุกคนเป็นโรคจิตที่ชอบตีความและคาดการณ์อะไรๆโดยไม่รู้ตัวเสมอ ทั้งที่เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้ มีความจำเป็นต้องตีความหรือคาดการณ์ให้มันยุ่งยากเลยแม้แต่นิดเดียว คนโง่ๆซื่อบื้อๆก็สามารถลงทุนได้ดีกว่า คนที่พยายามหาเหตุผลว่า "ทำไมหุ้นตก" ได้ง่ายๆเลย


#วางแผนเงินกันให้ดีผมว่าสำคัญและรวยง่ายกว่าวางแผนลงทุนให้ปวดสมอง
#ขอให้โชคดี^^








No comments:

Post a Comment