Thursday, July 23, 2015

การเอาตัวรอดใน "ตลาดหุ้นขาลง"

กฎหนึ่งของนักลงทุนคืออย่า "เดาทิศทางของตลาดหุ้น" อย่าลืมว่าถ้าเดาว่าตลาดหุ้นเป็นขาลงแล้วเราขายหุ้นทิ้งหมด...สุดท้ายถ้ามันไม่เป็นขาลงจริงแล้วกลับเป็นขาขึ้น...."ในวันที่หุ้นขึ้นแต่เราถือเงินสดแทนที่จะถือหุ้น...ก็เหมือนกับเรากำลังเสียเงินอยู่(Opportunity Cost)"


ในทางกลับกัน พอหุ้นลงมาเยอะ ก็อย่าคิดเหมือนกันว่า "มันลงมาเยอะแล้ว" เพราะถ้าคิดอย่างนั้น สิ่งที่เราจะทำคือซื้อหุ้น พอซื้อเสร็จก็ลงต่อ พูดง่ายๆคืออย่าถัวเฉลี่ยจนหมดหน้าตัก


ผมเองก็เรียกได้ว่าเป็น VI คนนึง แต่ก็เป็น VI ที่ไม่ได้ยึดติดกับกระบวนท่าหรือหลักการอะไรมาก ในตลาดขาลงนั้น VI ที่ "ยึดติด" คงเอาความคิดผิดๆเช่นหุ้นลงให้ถัวซื้อเพราะราคา "แรก" ที่เราซื้อหุ้นตัวนี้มันเป็นราคาที่เราประเมินแล้วว่า ราคาถูก


สำหรับ Buffett ผมเชื่อว่าในสถานการณ์ที่ราคาหุ้นตกลงต่ำกว่าราคาทุนที่ซื้อ ส่วนใหญ่แล้ว Buffett จะถัวซื้อเพิ่ม


ถ้าเราอยากเลียนแบบ Buffett ด้วยการถัวซื้อ เราคงต้องเลียนแบบวิธีการทั้งดุ้นด้วยนะครับ อย่าลืมว่า Buffett ซื้อหุ้น "ชั้นยอด" เท่านั้น แต่คนห่วยๆอย่างพวกเราส่วนใหญ่จะซื้อหุ้น "ธรรมดา" ที่ราคาถูกแล้วถูกอีก ถูกเว่อไปเรื่อยๆ ราคาที่เราซื้อและเห็นว่ามันถูกส่วนใหญ่แล้วจะมีถูกกว่าราคาของเราลงไปอีก


เหตุผลที่หุ้นชั้นยอดเหมาะกับการถัวเฉลี่ย เพราะราคาพื้นฐานของมันไล่ขึ้นมาเพื่อให้เท่ากับราคาตลาดได้เร็วมาก และนักลงทุนชั้นยอดที่รู้ข้อนี้ดีจึง "ไม่ใคร่จะ" ขายทิ้งถล่มราคาหุ้น


VI ที่ดีคือคนที่ไม่มี EGO (ผมคิดอย่างนั้นนะ) ต้องพร้อมที่จะรับฟังสไตล์การลงทุนของคนอื่น


ผมชอบแนวคิดหนึ่งของ George Soros ในเรื่อง "ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ" แนวคิดนี้ทำให้ผมตาสว่างเลยว่า เห้ย! ทุกครั้งที่เราซื้อตอนหุ้นขาลงเนี่ย 100% เลยที่ราคาหุ้นมันจะลงต่อ และทุกครั้งที่ขายหุ้นตอนขาขึ้น ก็ 100% เลยที่ราคามันจะขึ้นต่อ


ถามว่าเกี่ยวอะไรกับ ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ? ลองคิดดูนะครับว่าราคาตลาดที่เป็นขาลงของหุ้น มีผลให้คนเล่นหุ้นจนลงไปเรื่อยๆ พอคนเล่นหุ้นจนลงไปเรื่อยๆ ก็มีผลทำให้ไม่มีเงินซื้อของเท่าไหร่ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาศถัดไปของบริษัทแย่ลง พอคนทั่วไปเห็นผลกำไรแย่ลงอีกก็ขายหุ้นทิ้งอีก ราคามันก็เลยลงอยู่เรื่อยไงครับ


ราคาน้ำมันก็เหมือนกัน....ถามว่าราคาน้ำมันลงเนี่ยครับ เจ้าของบริษัทน้ำมันจะผลิตน้ำมันเพิ่มไหม? แน่นอนถ้าเค้าอยากได้กำไรมากเท่าเดิมตอนราคาน้ำมันถูกเค้าก็ต้องผลิตเพิ่ม....พอยิ่งผลิตเพิ่ม supply ก็ยิ่งเยอะขึ้น ราคาน้ำมันก็ยิ่งถูกลงไปอีก...


ตลาดหุ้นคงจะหยุด "ขาลง" ก็ตอนที่นักเก็งกำไรหรืออาจจะเป็นนักลงทุนที่ความรู้น้อยขยาดและออกจากตลาดไปจนเหลือแต่พวก "นักลงทุนที่มีความรู้" เช่นพวกกองทุน และก็นักลงทุนเก่งๆที่ช้อนซื้อหุ้นของนักลงทุนคนอื่นที่ขายทิ้งออกจากตลาดหุ้นไป


คิดได้แบบนี้ก็ Cutloss กันบ้างครับแต่อย่าขายจนหมดหน้าตักเพราะมันจะเป็นการ "ซ้ำเติม" ตลาดและอย่าลืมว่าถ้าขายแล้วมันลงต่ออีกนิดเดียวแล้ววิ่งขึ้นเกินราคาที่ขายขาดทุน....เราวิ่งกลับเข้าไปซื้อที่ราคาที่สูงกว่าตอน Cutloss อันนี้ก็อย่าทำเลยครับ เราขายขาดทุนเพื่อให้เรามีเงินสดจำนวนเดียวกันกลับไปซื้อหุ้นที่ราคาถูกลง เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น


ทำใจร่มๆไว้ครับ สู้ๆ ^_^


ปล.บริษัทที่มีคูน้ำหรือป้อมปราการล้อมรอบและคูน้ำนี้ดูแล้วมันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แถมใหญ่ขึ้นเร็วและยั่งยืนด้วย (กำไรของบริษัทเติบโตเร็ว และ คู่แข่งเข้ายาก) นี่แหละบริษัทชั้นยอดครับ

No comments:

Post a Comment