Sunday, December 1, 2013

ทำไมไม่ถือหุ้นให้ยาวในเมื่อมันมีข้อดีขนาดนี้!!!!!!

เคยสงสัยว่าคนที่ลงทุนระยะยาวแบบซื้อหุ้นแล้วไม่ค่อยขายอย่างที่ Buffett ทำเค้าจะรวยได้อย่างไรป่าวครับ?? ในช่วงแรกที่ลงทุนในตลาดหุ้น ผมสงสัยในวิธีการนี้มาก โดยเฉพาวิธีการที่แนะนำว่าให้ถือหุ้นไปเรื่อยๆแม้ว่าหุ้นจะลงมาแรงๆก็ยังคงถือต่อไปอันนี้แหละที่ผมสงสัยที่สุดก็ถ้าเราไม่ขายแล้วเมื่อไหร่จะรวย

จนผมค้นพบความ connection กันระหว่างกฎข้อต่างๆที่ Buffett บอกไว้.....ผมขออธิบายเหตุการณ์ของการซื้อหุ้น 2 บริษัทตัวอย่างต่อไปนี้ครับ

ปล.ในตัวอย่างทั้ง 2 มีการคำนวณพอสมควรโดยผมจะคำนวณปีที่ 1 - 4 ด้วยการเถือกธรรมดา แ้ล้วจะใช้สูตรคำนวณมูลค่าที่ทบต้นทบดอก ในปีที่ 10 อีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะเข้าใจได้ซะทีสำหรับคนที่จะลงทุนนะครับนั่นคือ ROE

บริษัท A(Super stock และซื้อที่ราคากลางๆไม่ถูกเท่าไหร่)

มีคุณสมบัติ 3 ข้อดังนี้
1. ROE(กำไรหารด้วยมูลค่าทางบัญชี) 30 % ต่อปีโดยเฉลี่ย 10 ปีหลังสุด
2. P/BV (ราคาตลาดต่อหุ้น/มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น) ณตอนนั้น คือ 3 (สมมุติว่าบริษัทนี้มีมูลค่าทางบัญชีเท่ากับ 1 และมีราคาที่ขึ้นอยู่บนตารางหุ้นเท่ากับ 3 นั่นเอง)
3.ไม่ให้ปันผลเลย 10 ปีต่อจากนี้(กำไรที่ได้จะเอาไปลงทุนต่อตลอดเวลา 10 ปีต่อไป)

ผมตัดสินใจซื้อหุ้นA 1 หุ้นแล้วถือไว้ 10 ปีลองมาดูกันครับว่าความรวยผมจะเป็นอย่างไร
สิ้นปีที่ 1 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 30% * 1 = 0.3  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1+0.3 =1.3 บาท ผมซื้อไว้ 3 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 10%(0.3 บาทเทียบกับราคา 3 บาทที่ซื้อ)
สิ้นปีที่ 2 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 30% * 1.3 = 0.39  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1.3+0.39 =1.69 บาท ผมซื้อไว้ 3 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 23%(0.69 บาทเทียบกับราคา 3 บาทที่ซื้อ)
สิ้นปีที่ 3 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 30% * 1.69 = 0.51  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1.69+0.51 =2.2 บาท ผมซื้อไว้ 3 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 40%(1.2 บาทเทียบกับราคา 3 บาทที่ซื้อ)
.......................
.......................
.......................  
สิ้นปีที่ 10 หุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1* (1.3^10) =13.79 บาท ผมซื้อไว้ 3 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 426%(12.79 บาทเทียบกับราคา 3 บาทที่ซื้อ)

บริษัท B(หุ้นธรรมดาแต่ราคาถูก)

มีคุณสมบัติ 3 ข้อดังนี้
1. ROE(กำไรหารด้วยมูลค่าทางบัญชี) 10 % ต่อปีโดยเฉลี่ย 10 ปีหลังสุด
2. P/BV (ราคาตลาดต่อหุ้น/มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น) ณตอนนั้น คือ 1 (สมมุติว่าบริษัทนี้มีมูลค่าทางบัญชีเท่ากับ 1 และมีราคาที่ขึ้นอยู่บนตารางหุ้นเท่ากับ 1 นั่นเอง)
3.ไม่ให้ปันผลเลย 10 ปีต่อจากนี้(กำไรที่ได้จะเอาไปลงทุนต่อตลอดเวลา 10 ปีต่อไป)

ผมตัดสินใจซื้อหุ้นB 1 หุ้นแล้วถือไว้ 10 ปีลองมาดูกันครับว่าความรวยผมจะเป็นอย่างไร
สิ้นปีที่ 1 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 10% * 1 = 0.1  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1+0.1 =1.1 บาท ผมซื้อไว้ 1 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 10%(0.1 บาทเทียบกับราคา 1 บาทที่ซื้อ)
สิ้นปีที่ 2 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 10% * 1.1 = 0.11  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1.1+0.11 =1.21 บาท ผมซื้อไว้ 1 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 21%(0.21 บาทเทียบกับราคา 1 บาทที่ซื้อ)
สิ้นปีที่ 3 หุ้นตัวนี้ทำเงินได้ = 10% * 1.21 = 0.12  บาท และหุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1.21+0.12 =1.33 บาท ผมซื้อไว้ 3 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 33%(0.33 บาทเทียบกับราคา 1 บาทที่ซื้อ)
.......................
.......................
.......................  
สิ้นปีที่ 10 หุ้นตัวนี้มีมูลค่าทางบัญชีใหม่เป็น = 1* (1.1^10) =2.59 บาท ผมซื้อไว้ 1 บาทดังนั้นผมเหมือนรวยขึ้น เท่ากับ 159%(1.59 บาทเทียบกับราคา 1 บาทที่ซื้อ)

สรุป

  1. "ซื้อหุ้นดีมากที่ราคากลางๆดีกว่าซื้อหุ้นธรรมดาราคาถูก"(ที่มา:FORBES)   ลองดูตัวเลขจากบริษัทที่ยกตัวอย่างมาแล้วคำนวณตัวเลขด้วยวิธีการเดียวกันไปต่ออีก 10 ปี(สิ้นปีที่ 20)แล้วดูความแตกต่างของทั้่ง A และ B............เห็นพลังการทบต้นหรือปล่าว??
  2. จากตัวอย่างของบริษัท A ให้ลองเปลี่ยนเป็นว่าคุณซื้อมันที่ราคาแพงกว่านั้นเยอะๆเช่น 6 บาท..............เห็นพลังจากการซื้อถูกหรือปล่าว??
  3. จากตัวอย่างเห็นผมพูดถึงราคาตลาดระหว่างที่ถือหุ้นอยู่บ้างรึเปล่า??ไม่มีเลย!!!!.....ไม่แน่ตอนปีที่ 10 อาจจะมีราคาตลาดที่มี P/BV = 3 ก็เป็นได้(ราคาตลาด 40 บาทต่อหุ้น)
  4. จากตัวอย่าง...คุณเห็นความรวยที่แท้จริงของการถือหุ้นระยะยาวบ้างหรือไม่อ่ะ???
  5. "หุ้นในตารางตัวนั้นอ่ะแพงจัง ราคาตั้ง 300 บาทต่อหุ้นแน่ะ" หรือ "หุ้นตัวนั้นถูกจังหุ้นนึงแค่ 1 บาทเอง".........การตัดสินความถูกความแพงของหุ้นมันไม่ได้ดูที่ตรงนั้นเลยนะครับ  สังเกตหรือไม่ว่าผมใช้อะไรตัดสินความถูกแพงในที่นี้.... P/BV ไง!!!

จบครับ....เห็นตัวอย่างแล้วก็อย่าเพิ่งคิดว่า"โห!!!การจะรวยมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ??" จริงๆแล้วมันมีความเสี่ยงที่ว่า"แล้วถ้าบริษัท A มันไม่ได้ทำผลงานดีอย่างนี้ต่อไปล่ะ?"....ผมจะไม่อธิบายต่อแล้วครับเนื่องจากคุณ Buffett และดร.นิเวศน์ได้สอนวิธีการเลือกหุ้นดีๆไว้และตั้งเป็นกฎให้เราไว้มากมายครับ..ลองไปศึกษาต่อเองดู

ถ้าเป็นผมเลือกธุรกิจ ผมจะเลือกบริษัทที่ KISS....Keep It Simple and Stupid(เราเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ชีวิตสบายชิวๆ)

No comments:

Post a Comment