Wednesday, August 19, 2015

YOU MAKE YOUR OWN DECISION!!!

1 ในทักษะที่สำคัญยิ่งกว่าดวงและการคาดการณ์อนาคตที่แม่นยำของนักลงทุน สำหรับผมแล้วมันคือ "การตัดสินใจ"


วันนี้นึกครึ้มอยากเขียน blog หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่อง "Inside out" ว่าแล้วก็วิ่งไป Family mart ใกล้บ้านซื้อเบียร์ช้างมากระป๋องนึง กินเข้าไปปุ้บก็ถึงจุดสูงสุดที่อารมณ์ศิลปินมาเลยทีเดียว


ผมว่ามนุษย์โลกเราน่าจะเป็น 1 ในสิ่งมีชีวิตระดับจักรวาลที่สมองดีที่สุด (ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวให้เปรียบเทียบระดับสมอง) และสมองเองก็เป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์มากที่สุดเลยครับ มากจนเราจินตนาการไม่ออกเลยว่าการทำงานของสมองมันเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งการทำงานของมันถึงขนาดที่ทำให้เราทำนู่นทำนี่โดยเราไม่รู้ตัวว่าทำอยู่ได้เลย


ก่อนหน้านี้ 1 วัน ผมดู 50 Shades of Grey มีประโยคนึงครับที่แม่ของนางเอกพูดกับนางเอก หลังจากที่นางเอกร้องไห้ในโทรศัพท์ให้แม่ได้ยิน
"ลูกต้องสัญญานะว่าลูกจะเก็บไปคิดตัดสินใจว่าจะมาหาแม่รึปล่าว?"


ดูผิวเผินคำพูดนี้เหมือนไม่มีอะไรครับ แต่ลองสังเกตในชีวิตของเราดูว่า "กี่ครั้งที่เราไม่ได้แม้แต่จะเริ่มเอาเรื่องที่คนถามให้เราตัดสินใจ มาคิดด้วยเหตุผลจริงๆก่อนที่จะตัดสินใจ?" แม่นางเอกรู้ถึงจิตใจมนุษย์ดีเลยว่าถ้าในอนาคตนางเอกไม่มาหาเนี่ยก็เพราะ "ตัวเองนั่นแหละ" ที่ไม่ยอมย้ำเตือนว่าให้ตัดสินใจว่าจะมาหรือไม่มาหา.....นางเอกอาจไม่ไปหาไม่ใช่เพราะตัดสินใจว่าจะไม่ไปหา แต่เธอแค่ไม่เอาเรื่องที่จะไปหามาตัดสินใจต่างหาก!!!


Inside Out พูดถึงเสียงในหัวเราเอง ซึงเสียงพวกนี้แหละมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงมากๆ ต่อการใช้ชีวิตของเรา ผมยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า ผมเองเคยมีเสียงเหมือนกัน เช่น
"ทำไมเค้าไม่เชื่อเราทั้งๆที่เราหวังดี"
"ไปขายเพื่อนคนนี้ เราล่ะกลัวจังเลยว่า เราอาจเสียเพื่อน"
"ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะขายคนนี้ได้"
"ทำไมมึงไปกันแล้วไม่ชวนกูวะ นี่กูไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มรึยังไง"
"รู้ทั้งรู้ว่าเราขายของชิ้นนี้แต่กลับไม่แคร์เราเลย ดันไปซื้อกับคนอื่นซะงั้น"


ผมโชคดีที่จับติดเรื่องพวกนี้ออกเลยสามารถแก้ปัญหาของชีวิตตัวเองได้เยอะมาก (ปล่อยวางและให้อภัยคนอื่น)....ตัวอย่างของเสียงในหัวแบบอื่นๆ  เช่น
"เห้ย!! มันก็แค่มาพูดโน้มน้าวเราแหละวะอย่าไปเชื่อมัน"
"ถ้ากูซื้อไรจากมันกูจะเหมือนโดนหลอกป่าววะ?"
"มันได้อะไรจากกูป่าววะ"
"ขายตรงอีกแหละ"
"ที่ปรึกษาการเงินมันคือตัวแทนประกันแน่ๆเลย"


คนเราไม่ตัดสินใจด้วยเหตุผลจริงๆก็เพราะเราไปฟัง "เสียงในหัว" ก่อนที่จะฟังเรื่องที่เค้าถามให้เราตัดสินใจ


หลังจากกระบวนการตัดสินใจผ่านไปแล้ว สิ่งที่จะทำให้เรากลายเป็นสุดยอดคนมากขึ้น คือการ "ยอมรับ" อย่างใจจริงถึงผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ตาม


คนส่วนใหญ่พอเกิดผลลัพธ์แย่ๆจากการตัดสินใจของตัวเอง ก็เริ่มตีโพยตีพาย บ่นว่านู่นนี่นั่น แต่ไม่เคยบ่นตัวเองเลย เค้าเรียกกิจกรรมที่ได้จากการบ่นก็คือ "การผลักภาระความรับผิดชอบให้คนอื่นหรือสถานการณ์อื่นๆที่บังเอิญมากระทบ" เช่น
"หูย รู้งี้ซื้อหุ้นตัวนั้นดีกว่า" 
"รู้งี้ซื้อ Health Insurance ไว้ก่อนที่จะป่วยดีกว่า"
"โธ่!! ถ้าไม่มีระเบิดนะ หุ้นที่เราพึ่งซื้อเมื่อวานคงไม่ร่วงลงมาแบบนี้หรอก"
"เนี่ย!! ดูซิที่หนูขับรถไม่เป็นซะทีก็เพราะว่าแม่นั่นแหละ ที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้หนูขับรถ"
"ผมทำงานพลาด เพราะพี่คนนั้นเค้าทำงานไม่เป็นและไม่ให้ความร่วมมืออ่ะ"


ผมมองว่าการตัดสินใจที่ดีเป็นคุณสมบัติชั้นยอดของการเป็นนักลงทุน เวลาเราลงทุนเราคงต้องถามตัวเองว่า
"เราตัดสินใจแล้วหรือยังว่าจะเพิกเฉยในวันที่หุ้นกำลังตกๆ  หรือว่า  เราเพิกเฉยไปกับการที่จะเอาเรื่องที่ว่านี้มาตัดสินใจว่าจะเพิกเฉยรึเปล่าด้วยซ้ำ"  


เป็นกำลังใจให้ทุกคน ในวันที่บรรยากาศการลงทุนแย่ๆครับ^^
+++ต่อจากนี้จะไม่บอกหุ้น เพราะหุ้นดีแต่ตัดสินใจไม่ดี ก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ อ่านเรื่องกับดักของการตัดสินใจ

+++ผมเป็นนักวางแผนเรื่องเงิน ผมช่วยเพื่อนผมไม่ได้จริงๆครับ กับการพยากรณ์ตลาดหุ้นให้แม่นยำในระยะสั้น





No comments:

Post a Comment